สีผึ้งทาปากกับลิปบาล์ม-ความเหมือนที่แตกต่าง
สีผึ้งทาปากกับลิปบาล์ม ความเหมือนที่แตกต่าง? วันนี้จะขอมาแยกแยะความแตกต่างของทั้งสองสิ่งนี้
โดยปกติแล้วการทาลิปบาล์ม กับสีผึ้งทาปากมีจุดประสงค์เดียวกันคือ ช่วยบรรเทาริมฝีปากแห้ง แต่เคยสังเกตกันมั้ยว่าเมื่อใช้ลิปบาล์มใหม่ๆริมฝีปากที่แห้งแตกจะชุ่มชื่นอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อใช้ไปสักพักกลับพบว่าต้องทาบ่อยครั้งมากขึ้น ริมฝีปากจึงจะชุ่มชื่น ในบางรายถึงขนาดทายังไงก็ไม่รู้สึกชุ่มชื่นเหมือนที่เคยทาได้ผลตอนแรกๆก็มี และหากใช้เป็นเวลานานๆในระยะยาว เมื่อหยุดใช้กลับทำให้ริมฝีปากแตกแห้งมากขึ้น
สาเหตุเป็นเพราะส่วนประกอบในลิปบาล์ม(ที่มีส่วนประกอบของสารเคมี) จะมีสารบางชนิดที่ทำให้เนื้อลิปนั้นมีรูปลักษณ์หรือมีผิวสัมผัสที่น่าใช้มากขึ้น แต่สารบางตัวนั้นจะให้ผลข้างเคียงต่อการใช้ ซึ่งสารเหล่านี้จะนำความชุ่มชื่นออกจากริมฝีปากได้นั่นเอง
ส่วนสีผึ้งทาปากโบราณที่ใช้วัตถุดิบธรรมชาติ สำหรับคนที่มีปัญหาริมฝีปากแห้งแตก เมื่อทาสีผึ้งแล้วปากจะไม่หายแห้งแตกอย่างรวดเร็วแต่จะพบว่าริมฝีปากจะค่อยๆชุ่มชื่นขึ้นตามลำดับอยู่ที่สภาพปัญหาของผิวปาก และเมื่อใช้ต่อเนื่องเป็นประจำริมฝีปากปากนอกจากจะชุ่มชื่นแล้วผิวปากก็จะแข็งแรงขึ้น ถึงแม้จะหยุดใช้สีผึ้งไปแล้วริมฝีปากก็ไม่กลับมาแห้งแตกในทันทีแต่อย่างใด (ขึ้นอยู่กับสภาพผิวปากของแต่ละคนด้วย)
และด้วยลักษณะพิเศษของเนื้อสีผึ้งซึ่งแตกต่างจากลิปบาล์มโดยชัดเจน เช่นเนื้อที่เหนียวนุ่มทาแล้วเคลือบปากของสีผึ้งเนื้อทอง หรือเนื้อที่นุ่มละมุนให้ความชุ่มชื้นสูง แต่ไม่ทำให้มันวาวของสีผึ้งชมพูนุท เป็นคุณสมบัติเด่นเกิดจากกระบวนการหุงด้วยวัตถุดิบธรรมชาติไม่ได้เกิดจากการใช้สารเคมีในการปรับเนื้อแต่อย่างใด สีผึ้งคำน่อยจึงมีจุดเด่นในเรื่องการใช้บำรุงริมฝีปาก แก้อาการปากแห้งแตกที่ได้ผลดีเยี่ยม และใช้เป็นตัวทาบำรุงก่อนทาลิปสี โดยเฉพาะลิปแมทที่ไม่ต้องการความมันวาว ทำให้การทาลิปของสาวๆได้สวยเรียบเนียนไม่ตกร่องมากขึ้น
ทางคำน่อยเองได้ผลตอบรับที่ดีจากลูกค้าหลายๆคนที่เคยลองใช้แล้วกลับมาซื้อซ้ำอีกครั้ง พร้อมเหตุผลและผลลัพท์ที่สาวๆต่างพึงพอใจ และหลายๆคนเมื่อไปลองใช้ลิปบาล์มตัวอื่นๆ ก็จะเห็นถึงความแตกต่างระหว่างสีผึ้งกับลิปบาล์มที่เราได้อธิบายไปข้างต้น และเลือกกลับมาใช้สีผึ้งคำน่อยซ้ำอีกครั้ง เรียกได้ว่าสีผึ้งคำน่อยได้กลายเป็นของประจำบ้าน เป็นของคู่กายของใครหลายๆคนที่ขาดไม่ได้เลยทีเดียว
หมายเหตุ :
ลิปบาล์มมีทั้งที่ผลิตด้วยวัตถุดิบธรรมชาติและที่มีสารเคมีในส่วนผสม สีผึ้งทาปากก็เช่นเดียวกันมีทั้งที่เป็นสีผึ้งโบราณที่ใช้วัตถุดิบธรรมชาติและที่มีสารเคมีเป็นส่วนประกอบ และไม่ว่าจะใช้วัตถุดิบธรรมชาติหรือใช้สารเคมีจะต้องเลือกใช้วัตถุดิบคุณภาพและเกรดที่เหมาะสมปลอดภัยให้ตรงการผลิตภัณฑ์ชนิดนั้นๆค่ะ
-
ผู้หญิงทุกคนต้องประสบปัญหาสวยไม่เสร็จ วันนี้มงลงคิ้วสวยเป๊ะ กันสาดขนตามาเป็นแผง คอนทัวร์เฉดดิ้งขมูกพุ่งผิวเด้งมาเชียว ออกจากบ้านด้วยคะแนนเต็มสิบ แต่ถูกหักคะแนนรัวๆ ตอนสายๆลิปเป็นคร...
-
ในสมัยก่อนการกินหมากถือเป็นที่นิยม และจะมีสิ่งที่คนกินหมากต้องเจอคือน้ำหมากจะหยดย้อยมาแห้งจับริมฝีปาก หากปล่อยให้น้ำหมากเกาะตามผิวปาก ปากจะแห้งตึง อีกยังต้องระวัง “ปูนดุ” ซึ่งจะกัด...
-
กลิ่นหอมของนวดกะทิเช้านี้หอมเย้ายวนอย่าบอกใคร กลิ่นหอมๆลอยมาแบบแบบนี้ทาก็น่าทา กินก็น่ากิน “นวดกะทิ – สีผึ้งกะทิ” คล้ายแต่ไม่เหมือน วัตถุดิบหลักใช้เป็นกะทิเหมือนกัน แต่เสน่ห์และคุณ...
-
สาวๆส่วนใหญ่คงใช้ลิปสติกเป็นประจำอยู่แล้ว หลังจากใช้เราจะทำความสะอาดด้วยการเช็ดออก ซึ่งจะตามมาด้วยการสูญเสียความชุ่มชื่นของผิวริมฝีปากออกไปด้วยโดยไม่รู้ตัว ยิ่งเราทำแบบทุกวันปากของ...
-
อยากทาปากให้มีสีสันแดงสวยอย่างใครๆบ้าง แต่ทำไมทายังไงก็ไม่สวยอย่างใครเขาสักที ใครทาลิปแล้วต้องเจอกับอาการเฟลๆแบบนี้บ้าง มาดูกัน 5 ความเฟลของการทาลิป ปากดำคล้ำจนทาลิปกลอสหรือทาลิปบ...
-
การกินหมากเป็นประเพณีที่สำคัญของคนไทยในอดีต เป็นสัญลักษณ์ในการแสดงความรัก ความสัมพันธ์อันดี ไมตรีจิตระหว่างบุคคล เป็นกิจกรรมที่แฝงอยู่ในชีวิตประจำวันของคนไทยในอดีต จนทำให้เกิดการสร...