ทำไมถึงปากแห้ง-วิธีทำให้ปากชุ่มชื่นน่าจุ๊บ
ผู้หญิงทุกคนต้องประสบปัญหาสวยไม่เสร็จ วันนี้มงลงคิ้วสวยเป๊ะ กันสาดขนตามาเป็นแผง คอนทัวร์เฉดดิ้งขมูกพุ่งผิวเด้งมาเชียว ออกจากบ้านด้วยคะแนนเต็มสิบ แต่ถูกหักคะแนนรัวๆ ตอนสายๆลิปเป็นคราบ ตกบ่ายลิปตกร่อง ตอนเย็นปากแห้ง ปากลอกเป็นแผ่นยิ่งกว่าทุ่งกุลาร้องไห้ บางคนแก้ปัญหาด้วยการโบกลิปมันทั้งวันก็ยังเอาไม่อยู่ .. ฮื้อๆ
ยิ่งสมัยนี้มีลิปสติกแบบใหม่ๆออกมากมาย ทาแล้วเปลี่ยนสี ทาแล้วจูบไม่หลุด ทาเหมือนไม่ทา ประเดประดังมาหลอกล่อทรัพย์ในกระเป๋าเราอยู่ไม่ขาดสาย จากประสบการณ์พบว่าไม่ว่าจะถูกจะแพงก็ใช่ว่าจะไม่เจอปัญหาทาแล้วปากแห้งนะเออ แพงแค่ไหนถ้าเราแพ้ มันก็แพ้อยู่ดี
ถ้าเราปากแห้งเป็นขุยตอนเช้า ยังพอจะแก้ไขได้ทันด้วยการใช้ลิปสครัปขัดผิวปากเอาเซลล์ผิวที่เป็นขุยนี้ออก ทาบำรุงด้วยลิปบาล์มลงไปก่อนทาลิปสติก นั่นคือการแก้ปัญหาปากแห้งแบบด่วนๆ แต่ต้นตอปัญหาของปากแห้งที่แท้จริงยังคงอยู่
วันนี้เรามาแก้ปัญหาปากแห้งกันค่ะ มาดูว่าเราปากแห้งจากสาเหตุใดบ้าง? จะทำยังไงให้ปากแห้งกลับมาชุ่มชื่นน่าจุ๊บ
สาเหตุที่ทำให้ปากแห้ง
1. อากาศ อุณหภูมิและลมมีผลทำให้ริมฝีปากขาดความชุ่มชื้น แห้งกร้านได้ ไม่ว่าจะเป็นอากาศที่ร้อน เย็น หรือแห้ง ต่างมีผลทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำ บริเวณผิวหนังที่มีอาการเห็นอย่างชัดเจนก่อนผิวหนังส่วนอื่นๆคือริมฝีปาก ที่เมื่อผิวปากขาดความชุ่มชื่นจะมีอาการปากแห้งให้เห็นได้อย่างชัดเจน หรือเวลาที่เราออกไปอยู่ในที่โล่งมีลมพัดแรง ผิวปากที่โดนลมก็จะมีอาการแห้งก่อนผิวหนังบริเวณอื่นๆเช่นกัน นอกจากนี้รังสีอัลตราไวโอเลตจะเป็นตัวทำลายความยืดหยุ่นของเซลล์ ทำให้ผิวบริเวณริมฝีปากแห้งและแตกได้ [1]
2.ผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับปาก เช่น ลิปสติก ยาสีฟันและน้ำยาบ้วนปาก โฟมโกนหนวด ส่วนผสมต่างๆในผลิตภัณฑ์เหล่านี้เป็นปัจจัยที่ทำให้ผิวปากแห้ง ดังนั้นเมื่อเราใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ให้หมั่นสั่งเกตุ เช่น ถ้าเปลี่ยนลิปสติกแล้วมีปัญหาปากแห้งแตกในทันที ผู้ต้องสงสัยก็จะเป็นลิปสติกแท่งใหม่แหง๋ๆ ส่วนผสมที่ต้องสงสัยคือน้ำหอม สารให้ความชุ่มชื้น ลาโนลิน สารกันแดด ฯลฯ ถ้าเปลี่ยนยาสีฟันแล้วน้ำยาบ้วนปากแล้วปากแห้ง ส่วนผสมที่ต้องสงสัยได้แก่ สารเพิ่มฟอง สารเพิ่มความสดชื่น ฯลฯ
3.พฤติกรรมต่างๆ เช่น ชอบเลียปาก เม้มปาก แกะลอกริมฝีปาก เอนไซม์ในน้ำลายสามารถทำลายความชุ่มชื้นบนริมฝีปากได้ คนที่ชอบกัดเล็บต้องระวังสารเคมีในน้ำยาทาเล็บที่ทำให้เกิดปากแห้งได้ค่ะ
4.อายุและอาการผิดปกติของร่ายกาย อายุทำให้ต่อมไขมันทำงานได้ลดลงส่งผลให้ต่อมน้ำลายทำงานได้ลดลงเช่นกัน หรือในเวลาที่ร่างกายเราไม่เป็นปกติ เช่น เป็นไข้สูง ภูมิแพ้ ขาดน้ำ ฯลฯ ก็ส่งผลให้ปากแห้ง แตก ลอกได้
5. สาเหตุอื่นๆ เช่น แพ้อาหาร แพ้ยา ดิ่มแอลกอฮอร์ สูบบุหรี่ หรือการรับประทานยารักษาโรคก็มีผลข้างเคียงที่ทำให้ปากแห้งได้เช่นกัน
วิธีรักษาปากแห้ง
ว่าไปแล้ววิธีการแก้ปากแห้งแตกไม่ได้ยุ่งยาก วิธีการที่ไม่ซับซ้อนเลยค่ะ แค่เราต้องหาสาเหตุว่าปากแห้งเกิดจากสาเหตุใด เราควรระวังและแก้ปัญหาจากสาเหตุนั้น ปากแห้งแตกก็จะกลับมาชุ่มชื่นน่าจุ๊บดังเดิมค่ะ
1.ดื่มน้ำให้เพียงพอ
ดินแตกระแหงเพราะดินความชุ่มชื่นฉันใด ปากแห้งเพราะขาดความชุ่มชื่นก็ฉันนั้น เพียงแค่ดื่มน้ำเป็นประจำให้เพียงพอวันละ 8-10 แก้ว และต้องทำให้สม่ำเสมอ น้ำนอกจากจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับร่างกาย ยังส่งให้ผิวหนังรวมทั้งริมฝีปากเราหลุดพ้นจากอาการแห้งกร้าน มีความชุ่มชื่นเพิ่มด้วยเช่นกัน ผิวปากที่มีความชุ่มชื่นจะส่งให้อาการผิวปากแห้งค่อยๆดีขึ้นเองค่ะ สำหรับภาวะอื่นๆเช่นอายุ หรือกิจกรรมต่างๆ เช่น ออกกำลังกาย เซลล์ในร่างกายก็จะยิ่งเก็บความชุ่มชื้นได้น้อยลง ยิ่งจำเป็นต้องดื่มน้ำให้เพียงพอนะคะ และน้ำที่ว่านี้คือ น้ำสะอาด ไม่ใช่ ชานมไข่มุก กาแฟ แอลกอออร์ น้ำผลไม้นะคะ น้ำพวกนี้ไม่ได้เพิ่มความชุ่มชื่นค่ะ
2.หลีกเลี่ยงพฤติกรรม สภาวะ สารสัมผัส ที่เป็นสาเหตุที่ปากแห้ง
เมื่อเราทราบแล้วว่าในน้ำลายมีเอไซส์ที่เป็นสาเหตุที่ทำให้ปากแห้ง เราควรหลีกเลี่ยงการเลียปาก เม้มปาก หรือแกะลอกริมฝีปาก สภาวะแวดล้อมใดที่มีผลต่อริมฝีปาก เช่น แสงแดด หรืออากาศเย็น ๆ แห้ง ๆ ควรหลีกเลี่ยงหรือหากจำเป็นต้องอยู่ในสภาภแวดล้อมนั้นก็ควรป้อง เช่น ถ้าต้องอยู่กลางแดด ก็ควรจิบน้ำบ่อยๆ
เลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวปากที่มีคุณสมบัตเพิ่มความชุ่มชื่น ปกป้องการเสียความชุ่มชื่น รวมไปถึงการหลีกเลี่ยงสารสัมผัส ที่อาจทำให้เกิดอาการแพ้ เช่น อาหาร ลิปสติก ยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก ฯลฯ ถ้ารู้ว่ามีอาการแพ้ต้องรีบหยุดใช้ทันทีอย่าเสียดาย เพราะอาการผิวปากพัง ปากแห้ง แตก ดำ หากเกิดขึ้นแล้ว แก้ยากและใช้เวลาฟื้นฟูคืนกลับมานานเลยค่ะ
3.เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับปากและการบำรุงรักษาริมฝีปากให้เหมาะสมกับผิว
เรื่องนี้ต้องว่ากันยาวเลยค่ะ พี่นุชจะทะยอยเขียนบทความแต่ละเรื่องละเอียดนะคะ เบื้องต้นให้สังเกตุว่าเมื่อเราใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ตัวไหนแล้วมีอาการปากแห้ง เราต้องดูว่าเราอาจแพ้จากสารตัวใด แล้วหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีสารตัวนั้นอยู่
คราวหน้าพี่นุชมาไขข้อสงสัยว่าลิปบาล์มหรือลิปมันคืออะไร? แล้วจะมาช่วยแก้ข้อสงสัยว่าทำไมยิ่งทาลิปบาล์มแล้วทำไมยิ่งปากแห้งกันค่ะ
-
สีผึ้งทาปากกับลิปบาล์ม ความเหมือนที่แตกต่าง?วันนี้จะขอมาแยกแยะความแตกต่างของทั้งสองสิ่งนี้ โดยปกติแล้วการทาลิปบาล์ม กับสีผึ้งทาปากมีจุดประสงค์เดียวกันคือ ช่วยบรรเทาริมฝีปากแห้ง แต่...
-
ในสมัยก่อนการกินหมากถือเป็นที่นิยม และจะมีสิ่งที่คนกินหมากต้องเจอคือน้ำหมากจะหยดย้อยมาแห้งจับริมฝีปาก หากปล่อยให้น้ำหมากเกาะตามผิวปาก ปากจะแห้งตึง อีกยังต้องระวัง “ปูนดุ” ซึ่งจะกัด...
-
กลิ่นหอมของนวดกะทิเช้านี้หอมเย้ายวนอย่าบอกใคร กลิ่นหอมๆลอยมาแบบแบบนี้ทาก็น่าทา กินก็น่ากิน “นวดกะทิ – สีผึ้งกะทิ” คล้ายแต่ไม่เหมือน วัตถุดิบหลักใช้เป็นกะทิเหมือนกัน แต่เสน่ห์และคุณ...
-
สาวๆส่วนใหญ่คงใช้ลิปสติกเป็นประจำอยู่แล้ว หลังจากใช้เราจะทำความสะอาดด้วยการเช็ดออก ซึ่งจะตามมาด้วยการสูญเสียความชุ่มชื่นของผิวริมฝีปากออกไปด้วยโดยไม่รู้ตัว ยิ่งเราทำแบบทุกวันปากของ...
-
อยากทาปากให้มีสีสันแดงสวยอย่างใครๆบ้าง แต่ทำไมทายังไงก็ไม่สวยอย่างใครเขาสักที ใครทาลิปแล้วต้องเจอกับอาการเฟลๆแบบนี้บ้าง มาดูกัน 5 ความเฟลของการทาลิป ปากดำคล้ำจนทาลิปกลอสหรือทาลิปบ...
-
การกินหมากเป็นประเพณีที่สำคัญของคนไทยในอดีต เป็นสัญลักษณ์ในการแสดงความรัก ความสัมพันธ์อันดี ไมตรีจิตระหว่างบุคคล เป็นกิจกรรมที่แฝงอยู่ในชีวิตประจำวันของคนไทยในอดีต จนทำให้เกิดการสร...